20 ส.ค. 66 – รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องรัฐทบทวนหลักเกณฑ์จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ชี้ควรได้รับคนละ 3,000 บาทต่อเดือน พร้อมแนะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ พยุงเศรษฐกิจ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยถึงกรณีการปรับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา นอกจากเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว ยังเป็นการทำให้ประเทศเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในทางหนึ่งด้วย
นายสุพันธุ์ ระบุว่า ประการแรก การที่เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจทำให้ในอนาคตผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพยากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการออกระเบียบกระทรวงไม่ได้ออกพร้อมกับกฎเกณฑ์ใหม่ จึงอาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนก โดยเฉพาะในเรื่องการต้องพิสูจน์สิทธิ์ ดังนั้น จึงควรที่จะมีการออกกฎเกณฑ์มาให้เรียบร้อยก่อน ปัญหาใหญ่ของประเทศอีกประการ คือ ปัจจุบันเครื่องจักรสำคัญ ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้นย่ำแย่ ทั้งการลงทุนที่ชะลอตัวจากทั้งภาครัฐและต่างประเทศ การส่งออกที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และการท่องเที่ยวที่เริ่มชะลอตัวลง ดังนั้น เครื่องจักรตัวเดียวที่พอจะพยุงเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ คือ การบริโภคในประเทศ
นายสุพันธุ์ เสนอว่า พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายบำนาญประชาชนที่พร้อมจะผลักดันเป็นกฎหมายเข้าสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระกับลูกหลานแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและระดับชุมชนให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นทุกเดือน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก มีการหมุนเวียนเงินในชุมชน และสุดท้ายก็จะกลับมาเป็นภาษีให้กับประเทศให้ผู้สูงอายุต้องได้เงินคนละ 3,000 บาท เพื่อไม่ต้องตกอยู่ภายใต้เส้นความยากจน เป็นการแก้ปัญหาคนจนอย่างยั่งยืน และกระตุ้นเศรษฐกิจการบริโภคไปพร้อมกัน ดังนั้น จึงอยากให้ทางกระทรวงมหาดไทยทบทวนการออกระเบียบกระทรวงดังกล่าว และฝากไปถึงคณะกรรมการผู้สูงอายุที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ในการรับเบี้ยผู้สูงอายุเกณฑ์ใหม่ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ผู้สูงอายุ และประเทศชาติ และพรรคไทยสร้างไทยพร้อม สส. ทั้ง 6 คน พร้อมที่จะขับเคลื่อนกฎหมายบำนาญประชาชนต่อไป เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคมผู้สูงอายุ
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง