18 ส.ค.66 – สว.สมชาย ชี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีควรแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาโหวต ยอมรับกังวลการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แนะควรศึกษาให้รอบด้านก่อน เพราะหากตั้ง สสร. แล้วยกร่างฉบับใหม่อาจต้องทำประชามติ 3 ครั้ง และใช้งบประมาณถึง 14,000 ล้านบาท
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 ส.ค.66 ว่า ขณะนี้มี สว.บางราย เห็นว่าหากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็ควรเปิดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ เพื่อให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาทราบถึงแนวนโยบายในการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองที่จะมาร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไร รวมทั้งเป็นโอกาสให้นายเศรษฐา ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการซื้อที่ดินเมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ด้วย โดยจะชี้แจงในสภาหรือนอกสภาก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่คาดว่าจะสามารถสรุปรายชื่อได้ภายในวันจันทร์ที่ 21 ส.ค.นี้
นายสมชาย กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ว่า ส่วนตัวเห็นว่าถ้าหากเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรายมาตราก็สามารถทำได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่หากเป็นการยกร่างใหม่ทั้งฉบับนั้น ตามที่ได้มีการจัดทำรายงานศึกษา พบว่า อาจจะต้องทำมีการทำประชามติถึง 3 ครั้ง และใช้งบประมาณสูงถึง 14,000 ล้านบาท ดังนั้น ควรศึกษาให้ชัดเจนว่าจะแก้ไขเรื่องใดอย่างไรบ้าง และยังไม่มั่นใจว่ารัฐธรรมนูญที่ยกร่างใหม่จะดีกว่าฉบับเก่า ดังนั้น ส่วนตัวเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลรวมทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรมีการแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนรับทราบด้วย
นายสมชาย กล่าวยืนยันว่า สว. ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขัดขวางผู้ใด ซึ่ง สว. เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ มาตรา 272 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดให้มีส่วนร่วมให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เพราะถ้าใครมีคุณสมบัติเหมาะสมก็จะโหวตให้ แต่ถ้าใครมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนก็จะไม่โหวตให้
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง