18 ส.ค.66 – ปธ.รัฐสภา กำหนดกรอบโหวตนายกฯจบในเวลา 17.30 น. เปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายไม่เกิน 5 ชั่วโมง สว.2 ชั่วโมง สส.3 ชั่วโมง ระบุ แคนดิเดตนายกฯไม่ต้องแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมให้ สส.รังสิมันต์ แสดงเจตนารมณ์ทบทวนญัตติได้ แต่ไม่มีการลงมติ
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย พรรคการเมืองขั้วแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคการเมืองฝ่ายเสียงข้างน้อย และวุฒิสภา โดยที่ประชุมเห็นควรเปิดให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยจะใช้เวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง แบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา 2 ชม. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 ชม. จากนั้นจะเป็นการเริ่มลงมติคาดว่าไม่น่าเกินเวลา 15.00 น. และคาดว่าในเวลา 17.30 น. จะเสร็จสิ้นการลงมติ ส่วนเรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่นั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ในที่ประชุมได้รับแจ้งจากประธานฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ ว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ และข้อบังคับในการประชุมก็ไม่มีข้อกำหนดว่าผู้ที่ถูกเสนอชื่อต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ ประกอบกับที่ประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ในการร่างข้อบังคับของรัฐสภาเมื่อปี 2563 ได้มีการแสดงเจตนารมณ์ว่า ไม่ต้องให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อมาแสดงวิสัยทัศน์ ซึ่งมีรายละเอียดการประชุมชัดเจน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 63 โดยมีมติของที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 63 ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งกมธ.เสียงข้างมาก เห็นตามข้อบังคับที่ 36 ว่า ผู้ที่ถูกเสนอชื่อไม่ต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ เพราะฉะนั้น จึงต้องปฏิบัติตามนี้ คือไม่จำเป็นต้องแสดงวิสัยทัศน์
สำหรับวาระของการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 วาระแรก คือ การเสนอญัตติด่วนที่ค้างจาการประชุมครั้งที่แล้ว โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอให้มีการทบทวบมติของรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 กรณีเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำ ถือเป็นญัตติหรือไม่นั้น ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้นายรังสิมันต์ ได้แสดงเจตนารมณ์ของการเสนอ แต่ข้อบังคับที่ 151 ไม่สามารถจะนำมาทบทวนได้ เพราะหากมีการทบทวนจะเกิดปัญหาว่า เมื่อสภามีมติออกไปแล้วสามารถจะทบทวนได้ จะทำให้การเชื่อถือต่อการลงมติมีปัญหา ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า เมื่อมีการนำเสนอแล้ว ให้ประธานรัฐสภาใช้อำนาจตัดสินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 80 ประกอบข้อบังคับที่ 5 และ 151 คือไม่รับว่าเป็นญัตติด่วน แต่สามารถนำมาเสนอได้เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อญัตติที่ลงไปแล้ว ซึ่งหากญัตติอื่นๆ มีการทบทวนก็จะเป็นประเด็นปัญหาขึ้นมาใหม่ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 66 นั้น ก็ไม่ได้บอกให้ต้องทบทวน
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง