4 ส.ค.66 – พรรคก้าวไกล เผย ประธานรัฐสภา ควรเปิดให้ที่ประชุมรัฐสภา ลงมติทบทวนมติเสนอชื่อนายพิธา ชิงนายกฯ ซ้ำ เพื่อเดินหน้าหาข้อสรุป หวังปลดล็อกให้กับแคนดิเดตนายกฯ ทุกพรรค
นายชัยธวัช ตุลาธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึงกรณีประธานรัฐสภา สั่งปิดประชุมร่วมกันของรัฐสภาและเลื่อนวาระการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ภายหลังนายรังสิมันต์ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ให้ที่ประชุมทบทวนมติรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 66 ที่ไม่อนุญาตให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ซ้ำ เพราะขัดข้อบังคับข้อที่ 41 นั้น โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้แจ้งว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากดำเนินการต่อไปอาจทำให้มีปัญหาในภายหลัง ซึ่งทางพรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่า ญัตติที่ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกรัฐสภา เสนอดังกล่าวนั้น เป็นญัตติทั่วไปตามข้อบังคับข้อที่ 41 และเป็นญัตติที่ถูกต้อง ซึ่งประธานรัฐสภา ควรดำเนินการเปิดให้มีการลงมติ เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับญัตตินี้ ซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติ อีกทั้งจากการปิดประชุมวันนี้ ทำให้ 2 วาระสำคัญ ไม่ได้พิจารณา คือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคก้าวไกลยังยืนยันว่าสามารถดำเนินการต่อได้ โดยไม่ต้องรอมติของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา ส่วนวาระการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจ สว. เลือกนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ญัตติยังไม่ตกไป สามารถเสนอซ้ำอีกได้ ในการประชุมครั้งต่อไป หลายคนอาจจะมองว่าวาระนี้ไม่สำคัญ แต่พรรคก้าวไกลไม่แน่ใจว่า การเลือกนายกฯ จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อใด อีกทั้งการเสนอญัตติด่วนให้ทบทวนมติรัฐสภาในการตีความข้อบังคับที่ 41 ก็จะเป็นการปลดล็อกให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของทุกพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ เพื่อจะได้ไม่จำเป็นต้องไปพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล หรือถูกบีบให้ไปร่วมสืบทอดอำนาจ
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า การเสนอญัตติด่วนดังกล่าว เป็นญัตติที่ถูกต้อง ไม่ใช่ญัตติซ้ำอย่างแน่นอน โดยเป็นการใช้กลไกสภาดำเนินการ ไม่ต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะเมื่อสภาตัดสินใจไปแล้วก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ โดยใช้อำนาจของสภาเอง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนาประวิงเวลาแต่อย่างใด หากประธานรัฐสภา ให้ที่ประชุมพิจารณาต่อในญัตตินี้ ก็จะใช้เวลาอภิปรายไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้เร็วที่สุด และหากมติสภาเห็นชอบให้มีการทบทวน และยกเลิกมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ไม่ให้มีผลต่อไป จะทำให้สภาไม่ต้องเจอกับเงื่อนไขการเลื่อนวาระโหวตนายกรัฐมนตรีอีก จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่การประชุมร่วมกันของรัฐสภาต้องสิ้นสุด โดยไม่มีข้อยุติ ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งเป็นทางออกของประเทศก็ไม่ถูกพิจารณา ทั้งที่เป็นประตูทางออกของประเทศ
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
