a








พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตร เพิ่มรายได้เกษตรกร

31 ก.ค. 66 – ทีมวิชาการการเกษตรพรรคเพื่อไทย เดินหน้าแก้ปัญหาพัฒนาผลผลิตปาล์ม ยกระดับคุณภาพ เพิ่มรายได้เกษตรกร ขณะห่วงสถานการณ์โรคไวรัสระบาดในมันสำปะหลัง ชี้ต้องเร่งแก้ไข ก่อนลุกลาม

ทีมวิชาการเกษตรเพื่อไทย นำโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือเกษตรกรสวนปาล์มน้ำมัน จังหวัดกระบี่ กรรมการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหาปาล์ม หลังผลผลิตราคาตกต่ำ เพื่อยกระดับรายได้ชาวสวนปาล์ม ทั้งนี้ ภายหลังการรับฟังข้อมูล ทราบว่าประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกปาล์ม 6.15 ล้านไร่ เกษตรกรสวนปาล์มมีประมาณ 4 แสนครัวเรือน กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศ และร้อยละ 90 อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ กำลังการผลิตรวมประมาณ 18 ล้านตันต่อปี โดยผลผลิตปาล์มประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.99 กิโลกรัมต่อไร่ ใกล้เคียงกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งได้ผลผลิตที่ 3-3.2 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับปัญหาที่ชาวสวนปาล์มกำลังเผชิญ คือ ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ ทำให้ยากต่อการจัดการของลานเทรับซื้อ และโรงงานไม่มีการกำหนดราคากลาง ทำให้การกำหนดราคาปาล์มทำโดยผู้รับซื้อเท่านั้น ดังนั้นในฤดูปาล์ม ราคาจะถูกจนไม่คุ้มค่าจ้างตัดทะลายปาล์ม ไม่คุ้มค่ารถขนส่ง อีกทั้งตลาดส่งออกเดิมคือยุโรป เริ่มมีการตั้งข้อกำหนดต่างๆ อาทิ Zero Palm Oil ไม่รับซื้อน้ำมันปาล์มจากที่ปลูกที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน 

ทั้งนี้ ได้เสนอแนวทางและวิธีการพัฒนายกระดับการผลิตปาล์ม คือ การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ การเพิ่มปริมาณน้ำมันในผลปาล์ม และต้นทุนการผลิตปาล์ม คือการจัดการด้านอุปทานที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่การยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลผลิต อันจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น ส่วนการจัดการอุปสงค์ ในฐานะพืชพลังงาน มีการริเริ่มใช้น้ำมันบี100 ไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม 100% แทนน้ำมันดีเซล ทดสอบในเรือโดยสารคลองแสนแสบ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่กระทบต่อเครื่องยนต์ เชื่อว่าจะสามารถสนับสนุนต่อยอด และช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคา ไม่กระทบเกษตรกรหากบริหารจัดการสร้างสมดุลให้เหมาะสม นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยต้องการให้เกษตรกรพัฒนาการปลูกปาล์มคุณภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยตรง โดยขอความร่วมมือสภาเกษตรกรช่วยกันผลักดันในพื้นที่ปลูก เพราะการพัฒนาน้ำมันปาล์มให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพจะสร้างมูลค่าเพิ่มและโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้แก่เกษตรกร ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะให้การสนับสนุนเต็มที่

นอกจากนี้  ทีมวิชาการเกษตรเพื่อไทย ได้รับฟังสถานการณ์โรคไวรัสใบด่างระบาดในมันสำปะหลัง จากผู้แทนสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย รวมถึงหารือถึงแนวทางรับมือสถานการณ์น้ำแล้งจากภาวะเอลนีโญที่จะส่งผลโดยตรงต่อการผลิตภาคการเกษตรที่อาจรุนแรง และส่งผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปีนับจากนี้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคระบาดในมันสำปะหลังขณะนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถบรรเทาความรุนแรงของการระบาดลงได้ หากได้รับการดูแลอย่างจริงจัง แต่หากล่าช้าละเลย สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้อาจสร้างความเสียหายลุกลามแก่อุตสาหกรรมแปรรูปและส่งออกมันสำปะหลังของประเทศไทยมูลค่ารวมกว่าแสนล้านบาทได้ ซึ่งจากการศึกษาสถานการณ์แพร่ระบาดโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลังของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประมาณการความเสียหายกินพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังขณะนี้กว่า 3 ล้านไร่ ขณะที่รายงานของกรมส่งเสริมการเกษตร ระบุว่าสามารถควบคุมพื้นที่การระบาดได้อยู่ที่ 4 แสนไร่เท่านั้น โดยผลกระทบโรคไวรัสใบด่างในมันสำปะหลัง อาจทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังหายไปอย่างน้อย 50% จากผลผลิตปีละ 40 ล้านตัน อาจเหลือเพียง 20 ล้านตันเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ทีมวิชาการเกษตรพรรคเพื่อไทย รับทราบและติดตามปัญหามันสำปะหลังมาโดยตลอด โดยทีมทำงานได้ทำแปลงทดลองแก้ไขปัญหาไวรัสใบด่างในมันสำปะหลังด้วยวิธีการหลากหลาย และเก็บผลเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ภายใต้การบูรณาการทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยงานสมาคม และทีม สส.พรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อทราบข้อเท็จจริงและให้เข้าใจวิธีการแก้ปัญหาความเดือนร้อนอย่างตรงประเด็น รวดเร็วที่สุด เพราะปัญหาปากท้องคือความเดือดร้อนของประชาชนที่รอไม่ได้ ดังนั้น โรคระบาดแก้ได้ต้องรีบจัดการ ส่วนภัยแล้งยังแก้ไม่ได้ต้องหาทางบรรเทาบนพื้นฐานการจัดการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ


อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

©2023 tpchannel.org