27 ก.ค.66 – หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แนะ 2 พรรคใหญ่ เร่งหาทางออกจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ คำนึงถึงประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก หากล่าช้าอาจส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการงดประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ว่า การชะลอวาระเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป จะส่งผลให้ขั้นตอนบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลใหม่ล่าช้าไปด้วย อาทิ การพิจารณางบประมาณ การลงนามในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีความร่วมมือและลงนามไว้ เป็นพันธะที่ต้องดำเนินการ ภายใต้สถานะรัฐบาลที่ไม่เต็มตัว ทำให้มีข้อจำกัดหลายอย่าง และยังกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจด้านการส่งออกของประเทศ ซึ่ง 8 พรรคร่วม รวมทั้งพรรคที่ได้เสียงข้างมากทราบดีอยู่แล้วถึงข้อจำกัดดังกล่าว ดังนั้น การที่มีผู้เสนอให้รัฐบาลรักษาการไปอีก 10 เดือนนั้น จึงคิดว่าไม่สามารถทำได้และไม่เหมาะสม เชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนบุคคล ส่วนทางออกในการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ ส่วนตัวมองว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลต้องทำความเข้าใจกติกา ซึ่งหัวใจสำคัญอยู่ที่ 2 พรรคใหญ่ และพรรคใดพรรคหนึ่งต้องพิจารณาว่าหากจะให้ประเทศไทยเดินหน้าต้องทำอย่างไร โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ต่อข้อถามหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สามารถโหวตชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ซ้ำได้อีก พรรคชาติไทยพัฒนาจะโหวตแบบเดิม หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ทุกครั้งที่สภาจะโหวตเรื่องสำคัญๆ ทางพรรคต้องมีการหารือกันก่อนลงมติทุกครั้ง ตนตอบแทน สส.ในพรรคไม่ได้ เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นไม่ใช่มติพรรค แต่เป็นเอกสิทธิ์ของ สส.แต่ละคน
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
เฟซบุ๊ก พรรคชาติไทยพัฒนา Chartthaipattana Party / ภาพ